การทำ SEO ในยุค Voice Search: เทคนิคที่นักการตลาดต้องรู้

Proud Ploen Co., Ltd. Driving Sustainable Growth with Creative Solutions and Strategic Insights.

เสียงทักทายจาก Siri, Alexa, หรือ Google Assistant กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ การค้นหาด้วยเสียงไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป แต่กลายเป็นพฤติกรรมปกติของผู้บริโภคยุคนี้ไปแล้ว แล้วเราในฐานะเจ้าของธุรกิจ หรือนักการตลาด จะปรับตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้? วันนี้เรามาลงลึกกันว่า การทำ SEO ในยุค Voice Search นั้นต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

เข้าใจพฤติกรรมการค้นหาด้วยเสียง

ลองนึกภาพคุณกำลังขับรถและต้องการหาร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใกล้ที่สุด คุณจะทำยังไง? แน่นอนว่าการพูดกับ Google Assistant จะสะดวกและปลอดภัยกว่าการพิมพ์บนหน้าจอมือถือขณะขับรถ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของ Voice Search

การค้นหาด้วยเสียงมักจะเป็นประโยคคำถามแบบธรรมชาติ ไม่ใช่คำสั้นๆ แบบที่เราพิมพ์ เช่น แทนที่จะพิมพ์ “ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ที่สุด” คนอาจจะถามว่า “ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยและใกล้ฉันที่สุดอยู่ที่ไหน?”

เทคนิค SEO สำหรับ Voice Search ที่นักการตลาดต้องรู้

1. มุ่งเน้นคำถามแบบธรรมชาติ

เมื่อเราเข้าใจว่าคนมักจะถามคำถามแบบธรรมชาติในการค้นหาด้วยเสียง เราก็ต้องปรับเนื้อหาให้ตอบคำถามเหล่านั้นได้ตรงจุด เมื่อเราเข้าใจว่าคนมักจะถามคำถามแบบธรรมชาติ วิธีที่ดีคือการสร้างหน้า FAQ ที่ตอบคำถามที่ลูกค้ามักถามบ่อยๆ และใช้คำถามเหล่านี้เป็นหัวข้อย่อยในบทความของคุณ

ตัวอย่าง: แทนที่จะเขียนหัวข้อว่า “วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว” ลองเปลี่ยนเป็น “ฉันจะลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมใน 1 เดือนได้อย่างไร?”

การปรับหัวข้อแบบนี้จะช่วยให้เนื้อหาของคุณตรงกับคำถามที่ผู้ใช้มักจะถามผ่าน Voice Search มากขึ้น ทำให้มีโอกาสติดอันดับและถูกอ่านออกมาเป็นคำตอบได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเนื้อหาของคุณตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ตรงจุดมากขึ้นด้วย

2. เน้นการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ

เขียนเนื้อหาให้เหมือนคุณกำลังคุยกับเพื่อน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นทางการจนเกินไป นี่จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น และตรงกับคำถามที่ผู้ใช้ถามด้วยเสียงมากขึ้น

3. ให้ความสำคัญกับ Local SEO

คนมักใช้ Voice Search เพื่อค้นหาข้อมูลในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น “ร้านกาแฟที่เปิดตอนนี้ใกล้ฉันมีที่ไหนบ้าง?” ดังนั้น อย่าลืมทำ Local SEO ให้แน่นปึ้ก! อัพเดตข้อมูล Google My Business ให้ครบถ้วน ใส่ใจรายละเอียดเรื่องที่อยู่ เบอร์โทร และเวลาทำการ

4. เพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์

Google ให้ความสำคัญกับความเร็วของเว็บไซต์มาก โดยเฉพาะสำหรับผลการค้นหาด้วยเสียง ลองใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์คุณ

5. สร้าง Featured Snippets

Featured Snippets คือส่วนที่แสดงคำตอบสั้นๆ ที่ปรากฏเหนือผลการค้นหาปกติ Google มักใช้ข้อมูลจาก Featured Snippets ในการตอบคำถามจาก Voice Search ลองสร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามอย่างกระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น

ตัวอย่างการปรับเนื้อหาสำหรับ Voice Search

ลองมาดูตัวอย่างการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับ Voice Search กัน

ก่อนปรับ: “วิธีเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปมือใหม่”

หลังปรับ: คุณกำลังมองหากล้องถ่ายรูปตัวแรกใช่ไหม? มาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้างในการเลือกซื้อกล้องสำหรับมือใหม่…”

เห็นไหมครับว่าแบบหลังดูเป็นธรรมชาติและน่าอ่านกว่ามาก?

สรุป: ปรับตัวให้ทันกับ Voice Search

การทำ SEO ในยุค Voice Search ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เราต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้และปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกัน เน้นการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ ตอบคำถามที่ผู้ใช้มักจะถาม และอย่าลืมทำ Local SEO ให้แน่น

ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมว่าเราไม่ได้ทำ SEO เพื่อ Google แต่เราทำเพื่อผู้ใช้จริงๆ ดังนั้น ให้มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ แล้ว Google ก็จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเราเอง

คุณล่ะ? พร้อมแล้วหรือยังที่จะปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณให้รองรับ Voice Search? ถ้ายังไม่มั่นใจ หรืออยากได้คำแนะนำเพิ่มเติม ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษา พร้อมช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์ SEO ที่ครอบคลุมทั้ง Text Search และ Voice Search เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งในยุคดิจิตอล

การทำ SEO ในยุค Voice Search

สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมไอเดียสร้างสรรค์และมุมมองเชิงกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์

Scroll to Top